Digital Transformation คืออะไร?
บทความนี้ถูกเขียนขึ้นในช่วงพักเบรคของคอร์ส Leading Digital Transformation สอนโดย Professor Niall McKeown ผู้ก่อตั้งสถาบัน ionology ที่ให้คำปรึกษาทางด้านการทำ digital transformation สำหรับองค์กรระดับโลกต่างๆ มาเป็นเวลากว่า 10 ปี ซึ่งผมได้มีโอกาสเข้าอบรมและเป็นส่วนหนึ่งของคลาสมาเป็นเวลา 3 วันแล้วจากทั้งหมด 5 วัน คำถามนึงที่แล่นเข้ามาในหัวผมหลังจากผ่านการอบรมมาแล้วกว่าครึ่งทางคือ
เราจะอธิบายคำว่า digital transformation แบบง่ายๆ ให้คนทั่วไปเข้าใจได้ยังไง?
“การนำเทคโนโลยีมาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว” เคยเป็นประโยคที่ผมคิดว่าเหมาะที่จะใช้สำหรับอธิบายคนทั่วๆ ไปที่ไม่ได้ทำงานอยู่ในสายไอทีฟังที่สุด แต่สำหรับ ionology นั้น คำว่า digital transformation คือ “การเปลี่ยนแปลงธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อที่จะเติบโตในเศรษฐกิจยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน”
สิ่งนึงที่ผมคิดผิดไปก่อนที่จะได้เข้าเรียนก็คือ คำว่า digital ข้างหน้า transformation นั้น ไม่ได้หมายถึงแค่ “เทคโนโลยีที่เรานำมาใช้ในองค์กร เพื่อให้มีการทำงานที่ทันสมัยขึ้น” อย่างเดียวเท่านั้น แต่กลับเน้นน้ำหนักไปที่ “เศรษฐกิจในยุคดิจิทัล” (digital economy) ซึ่งก็คือยุคปัจจุบันนี้นั่นแหละครับ เศรษฐกิจในยุคนี้มีคุณลักษณะที่แตกต่างจากยุคก่อนๆ อยู่หลายอย่าง เราจึงต้องเปลี่ยนแปลงการทำงานขององค์กร และรูปแบบการทำธุรกิจให้สอดคล้องเพื่ออยู่รอด และเติบโตไปข้างหน้านั่นเอง สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเศรษฐกิจยุคดิจิทัล หรือ digital economy ได้ที่นี่ครับ
การทำ digital transformation ในมุมมองของ ionology นั้นจะต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบทั้ง 5 อย่างดังภาพด้านบน คือกลยุทธ์, การสื่อสาร, วัฒนธรรมองค์กร, เทคโนโลยี, และข้อมูล หากขาดสิ่งใดสิ่งนึงไปจะทำให้ digital transformation นั้นไม่สำเร็จ หลายๆ ครั้งที่เราเห็นองค์กรต่างๆ พยายามนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้แต่ก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงธุรกิจมากนัก นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาขาดสิ่งใดสิ่งนึงใน 5 องค์ประกอบหลักนี้นั่นเอง ดังภาพด้านล่าง
Digitization— คือกรณีตัวอย่างของการนำเทคโนโลยีมาใช้แต่ขาดกลยุทธ์ที่ถูกต้อง ทำให้ผลลัพธ์เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนรูปแบบการทำงานจากแอนะล็อกเป็นดิจิทัล เช่นการทำ paperless system หรือการสร้างเว็บไซต์ขององค์กร เป็นต้น
Resistance — การต่อต้านจะเกิดขึ้นกับพนักงานและลูกค้าอย่างแน่นอน หากว่าเราพยายามทำ digital transformation แต่ขาดการสื่อสารและความร่วมมือที่ดีกับพวกเขาเหล่านั้น
Incoherent Action — เป็นผลลัพธ์จากการขาดวัฒนธรรมองค์กรที่ดี ในการสร้างนวัตกรรมต่อยอดอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ได้คือ “Random Acts of Digital” นั่นคือประโยคเท่ๆ ที่ professor ได้กล่าวเอาไว้
Frustration — แน่นอนว่าความผิดหวังและความล้มเหลวจะเกิดขึ้นหากเรามีกลยุทธ์และแผนในการทำ digital transformation ที่ดีแต่ขาดความรู้ความเข้าใจในการนำเทคโนโลยีมาใช้
Stagnation — ธุรกิจในเศรษฐกิจยุคดิจิทัลนั้นล้วนต้องใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน ผ่านการตัดสินใจที่ถูกต้อง หากขาดส่วนนี้ไปธุรกิจก็จะเติบโตได้ยาก
จะเห็นว่าองค์ประกอบทั้ง 5 อย่างนั้นล้วนสำคัญและจำเป็นทั้งสิ้นในการทำ digital transformation ให้สำเร็จ ลองมาสำรวจธุรกิจของตัวเองกันดูนะครับ ว่าเรายังขาดองค์ประกอบส่วนไหนไปบ้าง
ที่มา: ionology
โดย: ภูริ เฉลิมเกียรติสกุล
eX ACADEMY